• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Prichas, April 04, 2023, 01:06:17 PM

Previous topic - Next topic

Prichas

1. เนื่องจากว่าเรามิได้เกิดมาเพื่อทำงานอย่ างเดียว

พวกเราไม่ได้ดำเนินการแล้วแฮปปี้ทุกวี่ทุกวัน หลายคราที่พวกเรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าถ้าหากพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ดังเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราชอบจะก่อให้อารมณ์เบิกบานขึ้น แล้วก็ เพิ่มความเชื่อมั่นและมั่นใจ เนื่องจากการเฟลจากที่ทำงานโดยมากมักทำให้พวกเราเสียกำลังใจ และก็ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ส่วนตัวเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และ อีกมากมาย


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนคนนึงถูกใจตัดเย็บเสื้อผ้ามาก ขมักเขม้นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในเวลานี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากยิ่งกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่เรายำเกรงที่สุดในสถานที่ทำงานก็คงหนีไม่พ้นนายจ้าง ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนาๆประการ อย่ างตัวเราเคยเจอทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนถึงวันๆไม่ทำหน้าที่การงาน คอยสั่งคนโน่นทีคนนี้ครั้ง แต่พอใช้ได้ดูดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แม้กระนั้นคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้คร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะมิได้ยังไง เพราะอะไรน่ะหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองกระเหม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความนับถือด้วย หนำซ้ำอาจจะระรานกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


ถ้าหากให้แนะนำก็อย ากจะกล่าวว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดียิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างพวกเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนชั่วบ้ า ง นิสัยก็ต่างกันบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ าเห็นว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองดูในมุมที่ว่าหากเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่แห่งไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

ไม่ได้อย ากอยู่มืดค่ำๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากปฏิบัติงาน ก็อย ากท่องเที่ยวแบบเดียวกันนั่นแหละ แต่ว่าแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบพวกเราไม่ได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกภาพ

แค่เราเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำเป็นต้องเอางานพวกเราไปนำเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนใดกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้มาก เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ ามั่นใจในตัวเองเหลือเกินในโลกอินเตอร์เน็ต

ผู้คนจำนวนมากมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แต่ว่าทราบรึเปล่าว่า HR สมัยนี้นอกจากจะมอง resume เราแล้ว ยังมองเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR รับรองมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกอินเตอร์เน็ต

ของพวกเรานั้นมีผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราคือไม่สัมผัสเฟสบุ้คเลย หรือถ้าเกิดจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าเกิดหัวหน้ามามองเห็นก็ช่างเถิด


ถ้าหากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสสถานที่สำหรับทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาลำธารที่พด้วย เพราะ ส่วนมากคนภายในสถานที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่สำหรับทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่เขลา ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา พึงพอใจ ใส่ใจ แต่ว่า... อย่ าเก็บลู่วิ่งคนอื่นๆมาริษยา

ตอนปีที่ผ่านมานี้ เพื่อนฝูงพวกเราผู้คนจำนวนมากเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลแปลงงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตน บางโอกาสเราเลื่อนมองหน้าเฟสและจากนั้นก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ก้าวหน้า แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่ว่าบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีมากกว่าพวกเราหรอกเผลอๆเพื่อนฝูงผู้คนจำนวนมากบางครั้งอาจจะกำลังริษยาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็มิได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่เราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี จงจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา รู้ดีว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร รู้ว่าจุดหมายปลายทางพวกเราอยากอะไร ทราบว่าวันนี้พวกเราประพฤติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็พอเพียงแล้ว แอบดูลู่วิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราขมักเขม้นกับชีวิตมากยิ่งขึ้น แต่ว่าอย่ าเก็บมาตั้งใจกระทั่งกลุ้มใจพอเพียง

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งจะตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้มีความหมายว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงดวงใจกับผู้ใด แต่... แปลว่า " เราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสำนักงานหลายๆที่

มีการเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากๆ) โดยมากไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่เล่นเค้าไว้เยอะแยะนี่ห้ามเสียท่าเลยนะ มีคนรอคอยซ้ำเยอะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่เราดูว่าคนนี้เป็นคนยังไง จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้บอกว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝ่าฝืนตัวเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่ต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วทราบว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะทำให้เราเป็นต่อมากมายๆเว้นแต่วางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมถึงบางคนที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... พวกเราไม่รู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปดำเนินงานกับใครกันแน่ ด้วยเหตุนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แม้กระนั้นในอนาคต บางทีอาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีมากกว่าโดนดุตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความคาดหวังจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้พวกเราจะรู้สึกกดดันสำหรับการปฏิบัติงานสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากยิ่งกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านช่วงแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะชี้แนะคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเราไม่ได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย าถ้อยคำมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยก็พรีเซ้นไปเรื่อยๆฝึกหัดไปเรื่อยๆโดนด่าทอในเวลานี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุตอนอายุ 50 เยอะ ถึงแม้จะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก และ อ่อนประสบการณ์ คนจำนวนมากพร้อมจะยกโทษเราเสมอ โดยเหตุนี้ ล้มเหลวไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามผิดแผกแตกต่างระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นยังไง ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็คงจริง สมัยประถม การหาสหายใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และการหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าใด เราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นเท่านั้น และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนที่จริงดวงใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากมากแค่ไหน


นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนเงินเดือนอย่ างเราคือไปดำเนินงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาสหาย เพราะฉะนั้นวันๆพวกเราจึงจะเจอแค่สหายร่วมทีม ซึ่งโดยมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

เราโชคดีที่พบทีมที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนบุคคลแล้วก็เรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนผู้ร่วมการทำงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างนี้ พวกเรามีความคิดว่ามันเป็นกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดเดียวก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเห็น

สนทนาแลกความเซ็งดีแล้ว ให้พวกเราทดลองถามตัวเองว่า "หากพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอสหายจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

7. หาคนที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความไม่เหมือนระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " เพื่อนร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็คงจริง สมัยประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม และการหาสหายในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นมากแค่ไหน เราจะหาเพื่อนย ากขึ้นเพียงแค่นั้น

และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนที่แท้ดวงใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย ากเพียงใด นอกเหนือจากการที่จะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การคาดการณ์ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์เงินเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปปฏิบัติงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อน โดยเหตุนี้วันๆพวกเราก็เลยจะเจอเพียงแค่เพื่อนฝูงร่วมทีม ซึ่งจำนวนมากและจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องเฉพาะบุคคลและเรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน แล้วก็สหายร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างงี้ พวกเรารู้สึกว่ามันคือกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเจอ สนทนาแลกความเซ็งก็ดี ให้เราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าเกิดพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณพบสหายจริงๆในที่ทำงานแล้ว

8. ควรเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากบรรลุผลสำเร็จ และก็ แฮปปี้ ควรเป็น " ผู้รับจ้างมือโปร " ให้ได้ บอกง่ายแต่ว่าทำย ากนะ เพราะผู้รับจ้างมืออาชีพก็คือผู้ที่ตระหนักได้ว่า " พวกเราถูกจ้างมาด้วยค่าจ้างจำนวนหนึ่ง " ซึ่งพูดได้ว่าบริษัทเค้าอยากอะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกเปลี่ยนกับค่าจ้างนั้นๆ

เราจะต้องรู้ว่าบริษัทจ้างพวกเรามาทำอะไร และ ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทคาดหวังแม้ต้องการความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ ถ้าหากงานที่ทำอยู่มีความคิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่ควรทรหดอดทนทำไป


น่าจะหางานที่เราทำแล้วเราแฮปปี้และก็ทำเป็นดีเพื่อดึงสมรรถนะของตนออกมาให้สูงที่สุด นอกเหนือจากที่จะทำให้พวกเราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังส่งผลให้พวกเราปรับปรุงตนเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งพวกเราจะรู้เองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ถูกใจให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วพวกเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าบุคคลอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าเกิดในที่สุดพวกเราพบสายอาชีพที่เรารักแล้วก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมากมาย

และด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกจ้างมาด้วยเงินเดือนจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าแรงจนเกินไป ทุ่มเทได้ แต่จะต้องมีผลสรุปที่ดีตามออกมาด้วย เป็นต้นว่าได้ปรับค่าจ้างรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา เครือญาติๆบ้ า ง หันกลับไปมองข้างหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ขณะนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นวันแล้ววันเล่า ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ตรากตรำหรอก แลกกับความสบายของบิดามารดา
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/