สพฐ. ย้ำ แบบเรียนไข่ต้ม อยากได้สื่อ ความอดอยาก

[deam205]

สพฐ. ย้ำ ตำราเรียนไข่ต้ม อยากได้สื่อ ความแร้นแค้น ไม่ว่าจะกินอะไร ก็มีความสุขได้ จนกระทั่งพร้อมฟังทุกความคิดเห็น ชี้ปรับแก้ทุก 10 ปี

วันที่ 24 เม.ย.2566 นายอัมพร พิที่นาสะ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเล่าเรียนขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เผยกรณีโลกอินเตอร์เน็ตติชมตำราเรียนหนังสือภาษาไทยพาที ระดับชั้น เปรียญ5 ซึ่งมีรายละเอียดว่า รับประทานไข่ต้มครึ่งซีก เหยาะน้ำปลา หรือข้าวไม่คลุกน้ำผัดผักบุ้ง ทำให้ผู้แสดงในหนังสือเป็นสุข ถือว่าเป็นการเพียงพอ เห็นคุณค่าของชีวิตนั้น ว่า การจัดการทำความเข้าใจวิชาต่างๆจะมีแผนจัดแจงศึกษาอยู่ ซึ่งในแต่ละบทเรียนจะกำหนดจุดมุ่งหมายอยู่ว่าอยากสอนอะไรให้กับผู้เรียนบ้าง ซึ่งการจัดการศึกษา จะมีสื่อประกอบกิจการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนเกิดการทำความเข้าใจ ขึ้นกับอาจารย์ว่าจะนำซีเอไอไหน มาสอนเด็กให้เด็กเกิดวิชาความรู้

โดย ตำราเรียนภาษาพาที ที่เป็นหัวข้อนั้น เป็นสื่อประเภทหนึ่งที่ให้คุณครูใช้ประกอบการสอน เพื่อเด็กนำภาษาไปใช้แสดงอารมณ์ คิด หรือเห็นคุณค่าของความสบายในชีวิตผ่านวรรณกรรมเพียงแค่นั้น นักเขียนก็เลยระบุตัวละครสมมุติขึ้น โดยมีตัวละครที่มาจากครอบครัวมั่งคั่ง แม้กระนั้นใส่ความสุขไม่พบ และมีตัวละครที่เป็นเด็กกำพร้า แต่ว่าสามารถเป็นสุขสำหรับการดำรงชีวิตด้วยการแบ่งปันกัน

ซึ่งในเรื่องเกี่ยวกับการกินนั้น เรื่องราวไม่ได้สื่อเรื่องโภชนาการ แต่อยากได้สื่อว่าความยากไร้ ไม่ว่าจะกินอะไร อยู่ตรงไหน ก็สามารถเป็นสุขได้ เมื่อผู้ที่อยู่ในครอบครัวมั่งมีมามองเห็น จึงเข้าใจว่าความสุขในชีวิตมิได้อยู่ที่สถานที่กำเนิด หรือขึ้นอยู่กับที่อยู่ แม้กระนั้นอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจแล้วก็เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน

"บทเรียนดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความเข้าใจเรื่องความสุขของชีวิต แน่ๆว่าสำนักงานคณะกรรมการการเรียนรู้ขั้นต้น (สพฐ.) ไม่ทิ้งหลักโภชนาการ โดยได้หมายกำหนดการเรียนการสอนหัวข้อนี้ไว้ในหมวดวิชาสุขศึกษา ทั้ง สพฐ.ได้ให้ความสำคัญกับโภชนาการของเด็กเป็นอย่างมาก เห็นได้จากการมีระบบ Thai School Lunch ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยทำให้สถานศึกษาสามารถจัดข้าวกลางวันที่มีคุณภาพให้แก่นักเรียน

ด้วยเหตุนี้ บทเรียนดังที่กล่าวถึงมาแล้ว เป็นการเทียบให้เด็กเกิดวิธีการคิด รวมทั้งได้เห็นว่าความสำราญที่จริงจริงอยู่ตรงไหน ดังนี้ ไม่อยากพูดถึงใคร แต่รู้สึกว่าการบ้านการเมืองในตอนนี้ อยู่ระหว่างวิธีขายความนึกคิด แนวทางการขายแผนการ ด้วยเหตุนี้ ส่วนไหนที่มีคุณประโยชน์ สพฐ.ในฐานะผู้ปฏิบัติ ก็พร้อมที่จะยอมรับฟังทุกความนึกคิด ส่วนไหนที่เป็นประโยชน์จะรับฟังและไปปรับใช้" นายอัมพร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าดราม่าที่เกิดขึ้นลุกลามไปไกลหรือเปล่า นายอัมพร กล่าวว่า ไม่วิตกกังวลว่าจะมีดราม่า เนื่องจาก สพฐ.อยู่ภาคการศึกษา ยินดีที่จะฟังทุกข้อคิดเห็น เนื่องจากเห็นว่าทุกความคิดมีสาระ ซึ่งตนรู้สึกว่าทุกคนมีวิจารณญาณสำหรับการวิเคราะห์ แต่ การจัดทำหนังสือหนึ่งเล่ม สพฐ.มิได้ทำเพียงคนเดียว ควรต้องผ่านกระบวนการ ตั้งแต่การตั้งคณะกรรมการจัดทำ และผ่านการตรวจสอบจากนักวิชาการอีกหลายๆคนจนถึงเห็นเหมือนกันว่าหนังสือที่ออกมาเป็นที่ยอมรับแล้ว ซึ่งตนรู้กันดี เมื่อเวลาผ่านไป เหตุการณ์เปลี่ยนไป สพฐ.เพียรพยายามจะทำหนังสือให้ดียิ่งขึ้น ทันสมัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผู้รายงานข่าวถามคำถามว่า หนังสือภาษาพาทีมีหลักสำคัญดราม่าตั้งแต่ปี 2563 แล้วปีนี้กำเนิดดราม่าขึ้นอีก จะมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยไหม นายอัมพร บอกว่า สพฐ.มีการแก้ไขหนังสือเรียนทุกๆ10 ปี คือเรื่องธรรดาอยู่แล้ว และก็ในขณะนี้ สพฐ.เปิดโอกาสให้สำนักพิมพ์เสนอขอปรับแก้สื่อการสอนของตนได้ ซึ่งสื่อที่ผลิตใหม่พรีเซ็นท์ใหม่หากมีหลักสูตรใหม่เกิดขึ้นมา หลักสูตรเก่าก็จำเป็นต้องไม่มีการใช้สอนอยู่แล้ว
สพฐ.
ขอบคุณข้อมูลจาก https://freelydays.com/13833/
Tags : ความยากจน