แนวโน้มราคาทอง ในช่วงที่ผ่านมาแสดงความผันผวนอย่างชัดเจน โดยล่าสุดปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2,740 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น ได้แก่ ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินภาวะเงินเฟ้อและทิศทางนโยบายการเงินของเฟด นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการแถลงของประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต
จากมุมมองทางเทคนิค แม้ว่าแนวโน้มราคาทอง จะทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่รูปแบบแท่งเทียน Gravestone Doji ที่ปรากฏในกราฟราคาล่าสุด อาจบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการกลับตัวลงในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มระยะยาวยังคงเป็นบวก โดยมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ นักลงทุนควรติดตามปัจจัยพื้นฐานและสัญญาณทางเทคนิคอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในช่วงเวลานี้